การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์


การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. การสื่อสารข้อมูล (Data Communications)
กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
 ที่มา : https://lastsasaki.wordpress.com
2.  พัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล
องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล ได้แก่
1. ผู้ส่ง (Sender)
2. ผู้รับ (Receiver)
3. ข่าวสาร (Message)
4. ตัวกลางผู้(Media)
5. โพโทคอล (Protocol)


สมัยโบราณ  = การส่งข้อความระยะไกลต้องอาศัยคนนำสาร สัญญาณควันไฟ หรือนกพิราบสื่อสาร
.. 2379 = เซมมัวล์  มอร์ส (Samuel Morse) คิดค้นรหัสมอร์สซึ่งถูกนำมาใช้อย่างกว้างขว้างและยังใช้ในการสื่อสารด้วยโทรเลข
พ.ศ. 2419 = อเล็กซานเดอร์ เกรแฮมเบล (Alexander Graham Bell)ประดิษฐิ์โทรศัพท์เพื่อการสื่อสารด้วยเสียงผ่านสายตัวนำ
พ.ศ. 2444 = กูกลิโกโม มาร์โคนี (Gugligomo Marconi) ทดลองส่งรหัสมอร์สด้วยคลื่นวิทยุเพื่อการสื่อสารได้สำเร็จ
พ.ศ. 2501 = สหรัฐอเมริกาส่งดาวเทียมเพื่อการสื่อสารขึ้นสู่อวกาศ
พ.ศ. 2512 = อินเทอร์เน็ต
พ.ศ. 2513 = การสื่อสารระหว่างเครื่องปลายทางที่อยู่ห่างไกลเข้ามายังคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางเพื่อประมวลผล
พ.ศ. 2516 = การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้เพื่อทำงานร่วมกันเช่น ระบบอีเทอร์เน็ต โทเค็นริง
พ.ศ. 2522 = ระบบโทรศัพท์เซลลูลาร์ เริ่มมีใช้เป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น
พ.ศ. 2530 =การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย
3. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัผโดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกันในเครือข่ายนั้น
4. ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
4.1 ชนิดเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งตามขนาดบริเวณพื้นที่การบริการ
1. ระบบเครือข่ายส่วนบุคคล(Personal Area Network : PAN)
เครือข่ายส่วนบุคคลหรือแพน (Personal Area Networt :PAN) เป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก แพนที่ใช้ในปัจจุบันคือแพนไร้สาย ใช้ในระยะไม่เกิน 10 เมตร เช่นใช้เทคโนโลยีบลูทูท
ที่มา : http://thn25998unit3.blogspot.com/2016/01/blog-post_62.html

2. ระบบเครือข่ายท้องถิ่น  (Local Area Network : LAN)
              เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่บริเวณที่ไม่ไกลเข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์กรที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก ลักษณะสำคัญของเครือข่ายแลน คือ อุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถส่งรับสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก
ที่มา : https://www.claro.com.co/empresas/soluciones/outsourcing-it/administracion-lan

3. ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)
การเชื่อมต่อ เครือข่ายคอมพิวเตอร์  เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ที่มีระยะทางการเชื่อมต่อไกลกว่า ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) แต่ระยะทางยังคงใกล้กว่าระบบ WAN (Wide Area Network) ได้แก่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันภายในเมืองเดียวกันหรือจังหวัดเดียวกัน ในเขตเดียวกัน
ที่มา : http://thn245622unit3.blogspot.com/2016/08/blog-post_6.html

4. ระบบเครือข่ายระยะไกล   (wide Area Network : WAN)
เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะห่างไกล เช่น เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด  ระหว่างประเทศ เครือข่ายแวนเชื่อมระยะทางไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารไม่สูง เนื่องจากจะมีสัญญาณรบกวนในสาย เครือ ข่ายแวน เป็นเครือข่ายที่ทำให้เครือข่ายแลนหลายๆ เครือข่ายเชื่อมถึงกันได้
ที่มา : https://sites.google.com/site/nooseasuchanya/
3-kherux-khay-radab-prathes-wide-area-network-wan

4.2 ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งตามลักษณะการให้บริการ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่แบ่งตามลักษณะการให้บริการ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการ (client-server network)
เป็นเครือข่ายที่มีเครื่องบริการที่มีประสิทธิภาพและความเร็วสูงรองรับการขอใช้บริการจากเครื่องรับบริการ สามารถให้บริการเครื่องรับบริการหลายเครื่องในเวลาเดียวกัน ทำให้สะดวกในการบริหารจัดการ บำรุงรักษาทรัพยากรของระบบตัวอย่างเครื่องบริการ เช่น เครื่องบริการไฟล์ (file server) เครื่องบริการงานพิมพ์ (print server) เครื่องบริการเมล (mail server)
ที่มา : http://www.technointrend.com/type-network-computer/

2. เครือข่ายระดับเดียวกัน (Peer to Peernetwork: P2P)
เป็นเครือข่ายที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถทำหน้าที่ได้ทั้งเป็นเครื่องรับและให้บริการในขณะเดียวกัน และสามารถใช้งานทรัพยากรของเครื่องอื่นได้เท่าเทียมกัน โดยไม่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องบริการโดยเฉพาะ
ที่มา : http://www.technointrend.com/type-network-computer/

5. ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตัวกลางของการสื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน โดยทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ให้ข้อมูลเดินทางผ่านจากผู้ส่งไปสู่ผู้รับ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
                1.  ตัวกลางแบบมีสาย
                2.  ตัวกลางนำสัญญาณไร้สาย
5.1.  ตัวกลางแบบมีสาย
1. สายคู่บิดเกลียว (twisted pair)
           สายคู่บิดเกลียวแต่ละคู่สายที่เป็นทองแดงจะถูกพันกันตามมาตรฐานเพื่อลดผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากคู่สายข้างเคียงภายในเคเบิลเดียวกันหรือจากภายนอก เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวนี้ยอมให้สัญญาณไฟฟ้าความถี่สูงผ่าน สายคู่บิตเกลียวมี 2 ชนิดคือ
1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวนหรือเอสทีพี(Shielded Twisted Pair : STP) เป็นสายคู่บิตเกลียวที่หุ้มด้วยด้วยลวดถักชั้นนอกอีกชั้น เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
ที่มา : http://popu339.blogspot.com/p/blog-page.html

1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวนหรือยูทีพี(Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็นสายคู่
บิดเกลียวที่ไม่มีลวดถักชั้นนอก ทำให้สะดวกในการเดินสายเพราะโค้งงอได้ดี แต่ไม่สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้น้อยกว่าสายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวนหรือเอสทีพี และมีราคาต่ำกว่า
ที่มา : http://pornsudasaksing.blogspot.com/2013/09/5.html



                2. สายโคแอกซ์ (coaxial)
             เป็นสายสัญญาณที่มีสายทองแดงเดี่ยวเป็นแกนกลางหุ้มด้วยฉนวนเพื่อป้องวกันไฟรั่ว และมีสายทองแดงถักล้อมรอบเป็นตัว กั้นสัญญาณรบกวนอยู่ด้านนอก ลักษณะของสายเป็นแบบกลมและใช้สำหรับสัญญาณความถี่สูงสายโคแอกเชียลที่ใช้ในระบบเครือข่ายมีหลายแบบตามคุณลักษณะทางด้าน ความต้านทานของสาย สายโคแอกซ์ที่พบในชีวิตประจำวัน เช่น สายอากาศโทรทัศน์
ที่มา : https://www.cyberpuerta.mx/Computo-Hardware/
Cables/Bobinas/Ghia-Bobina-de-Cable-Cat5e-UTP-
4-Pares-305-Metros-Azul-cp2.html


         
ที่มา : http://pornsudasaksing.blogspot.com/2013/09/5.html











     3. สายไฟเบอร์ออปติกหรือเส้นใยแก้วนำแสง (fiber optic)
            เป็นสายที่ใช้แสงความถี่สูงวิ่งไปตามเส้นใยแก้ว สายสัญญาณชนิดนี้สามารถนำข้อมูลได้มาก เช่น สามารถส่งได้ถึงกว่าพันล้านบิตต่อวินาทีและใช้ได้ในระยะทางที่ไกล เส้นใยนำแสงมักใช้เป็นสายรับส่งข้อมูลหลักสำหรับเครือข่าย
ที่มา : http://www.rnnetwork-trading.com
ที่มา : https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/fddi/fddi.html

5.2 ตัวกลางนำสัญญาณไร้สาย
การสื่อสารไร้สายอาศัยการส่งสัญญาณไปกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำสัญญาณไร้สาย โดยมีวิธีการส่งหลายวิธี และยังสามารถใช้งานช่วงคลื่นที่ความถี่แตกต่างกันได้ด้วยเช่น
ที่มา : https://sites.google.com/a/damrong.ac.th/communicationandnetwork-kodchaporn-m-2-10/tawklang-na-sayyan

คลื่นวิทยุ คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ช่วง 10 กิโลเฮิรตซ์ ถึง 1 กิกะเฮิรตซ์ ใช้งานในการติดต่อสื่อสารในระบบแลนไร้สาย
คลื่นไมโครเวฟ คือใช้สื่อสารระหว่างสถานีบนพื้นโลกกับดาวเทียมเช่น ใช้ในการสื่อสารระหว่างภูเขากับพื้นราบใช้ในการถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียม
อินฟราเรด คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงแต่ต่ำกว่าสายตามนุษย์มองเห็นได้ เช่นการใช้รีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ

6. อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์มีหลายแบบเช่น การเชื่อมต่อแลนการเชื่อมต่อแมนและแวน  ซึ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สนับสนุนในการเชื่อมต่อในแต่ละแบบ เช่น
1. โมเด็ม  เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เช่น โมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์ เป็นโมเด็มที่ใช้รับและส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูงโดยจะทำการเชื่อมต่อการใช้งานตลอดเวลา ปัจจุบันมีการพัฒนาโมเด็มที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยอาศัยเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น จีพีอาร์เอส (GPRS) , เอจ (EDGE), สามจี (3G) ส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 286.8 กิโลบิตต่อนาที
ที่มา : http://greenstore.myreadyweb.com/product/detail-79520.html


2. การ์ด LAN  เป็นการ์ดที่ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ กับสายนำสัญญาณ การ์ดแลนทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับและส่งข้อมูลกับระบบเครือข่ายได้  ดังนั้นจะมีช่องสำหรับเสียบสายเคเบิลแบบใดแบบหนึ่ง
ที่มา : http://pong-itcom.blogspot.com/2014/02/hardware-computer.html

3.  ฮับ/สวิตซ์  (Hub/Switch)  เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทำหน้าที่เปรียบศูนย์กลางที่กระจายข้อมูล ใช้ในการต่อแลนแบบดาว พอร์ตมีจำนวนแตกต่างกัน เช่น 5,8,10,16,24 สายทั้งหมดของทุกเครื่องจะถูกนำมารวมกันไว้ที่เครื่องเดียวกัน
ฮับ
ที่มา : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhXBMl8ifXaXpwmzZwdvimJQ3Bm8SXvLBehnGWAlMPqTPW_w2qZEl9O15z14peyOoiBA9gAazTknpZZLqrP8G55yHrY31O5RcLbdZ6ANkqKGwYXrDUAGomxTlKYi_fHMObLZiR1mvIsZibP/s1600/hub2.jpg

สวิตซ์
ที่มา : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEibmJBwY2907kbCv4jrOhslZG3AI_yjTITszK6wF0Mv5nBRYagtYiffzoB17DKQm8HZodSuRlmSAy0zS98oBN9sK7Ih-lOYX9xnafRTLzynywY3BIQCi4bCtFgzz5PcgwZePHMJ9javx8rA/s1600/8-port-switch-rear.jpg

4. เราเตอร์ (router) เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่เชื่อมระบบเครือข่ายหลายระบบเข้าด้วยกัน เราเตอร์จะมีข้อมูลเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายแต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตาราง  เราเตอร์จะทำหน้าที่จัดหาเส้นทางและและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทางเพื่อติดต่อไปยังจุดหมายปลายทาง
ที่มา : http://vpsgroup.com.vn/bai-viet/cach-cai-dat-may-in-qua-mang-wifi.html

5. จุดเชื่อมต่อแบบไร้สาย (wireless access point) ทำหน้าที่คล้ายฮับใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์แบบไร้สาย ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งผ่านทางคลื่นวิทยุความถี่สูงโดยทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเข้าด้วยกันแบบไร้สาย เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊กกับเครื่องพิมพ์ โทรศัพท์เคลื่อนที่กับเครื่องคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ก
ที่มา : http://tanglovefriend.blogspot.com/2016/02/3-3_16.html

7. ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. การใช้โปรแกรมและข้อมูลร่วมกัน
2. การแบ่งปันอุปกรณ์ในเครือข่าย
3. การติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน
4. การใช้แหล่งข้อมูลและความรู้ร่วมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น